นานมาแล้วที่โรงพยาบาลแผนปัจจุบันในต่างประเทศ รู้จักนำหญ้าหนวดแมวมาใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และใช้รักษาคนไข้ที่เป็นโรคไตควบคู่กับโรคหัวใจได้ ฝรั่งจึงได้ตั้งชื่อหญ้าหนวดแมวว่า “ชาสำหรับโรคไต” ความจริงหมอแผนไทยและจีนรู้จักใช้หญ้าหนวดแมวรักษาโรคไตมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2528 โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์วีระสิงห์ เมืองมั่น แห่งภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ค้นคว้าวิจัยนำหญ้าหนวดแมวมาใช้รักษาผู้ป่วยในโรคนิ่วในระบบทางเดิน ปัสสาวะ เช่น นิ่วในท่อไต และนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุของการปัสสาวะขัด ฉี่กะปริบกะปรอย
การจากทดลองพบว่าหญ้าหนวดแมวมี “เกลือโปแตสเซียม” เป็นสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ขับปัสสาวะและช่วยขยายหลอดไตให้กว้างขึ้น สามารถลดอาการปวดของท่อไต ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วขนาดเท่าเม็ดมะละกอหรือเม็ดถั่วเขียว ชาสมุนไพรตัวนี้จะช่วยขับก้อนนิ่วออกมาได้สบายมาก หลังจากดื่มเพียง 3-5 วัน บางคนกินคืนนี้ พรุ่งนี้เช้านิ่วก็หลุดแล้ว ชาสมุนไพรหญ้าหนวดแมว สามารถรักษาโรคนิ่วได้ทั้งนิ่วจากแคลเซียมและนิ่วจากกรดยูริก เนื่องจากหญ้าหนวดแมวทำให้ปัสสาวะเป็นด่าง จึงรักษานิ่วจากกรดยูริกซึ่งเป็นนิ่วของคนรวยได้ดีกว่าเพราะชนิดนี้สามารถ สลายได้ดีในด่าง
สรรพคุณ : แก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ บำรุงไต ขับกรดยูริกอันเป็นสาเหตุของโรคเกาต์
วิธีใช้ : ใส่ชา 1 ซองลงในแก้ว เติมน้ำเดือดตั้งทิ้งไว้ให้ชาละลายออกมา ดื่มขณะอุ่น ๆ วันละ 2 เวลา ก่อนอาหารเช้า เย็น
ส่วนประกอบหลัก : ทั้งต้นหญ้าหนวดแมว ยกเว้นรากและดอก
ขนาดบรรจุ : 1 ห่อบรรจุ 10 ซองชา / 1 ซองชาน้ำหนักสุทธิ 2 กรัม
ข้อห้ามใช้/ข้อควรระวัง : ระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคไต เนื่องจากหญ้าหนวดแมวมีโปแตสเซียมสูง
อาการไม่พึงประสงค์ : ยังไม่มีรายงานเรื่องอาการไม่พึงประสงค์
ข้อเสนอแนะ : หากรับประทานในช่วงเย็นแล้วทำให้ ปัสสาวะบ่อยเกินไปในเวลากลางคืนจนรบกวนการนอนหลับ สามารถเปลี่ยนเวลารับประทานมาเป็นมื้อกลางวันได้
อายุผลิตภัณฑ์ : 2 ปี (นับจากวันผลิต)
การเก็บรักษา : เก็บในที่แห้ง อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ห่างจากแสงแดด